วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ทัวร์เกาหลี เชจู 10900 บาท วันที่สุดท้าย

 ทัวร์เกาหลี เชจู วันที่สุดท้าย

         แล้วก็มาถึงวันสุดท้ายแล้วครับ สำหรับทัวร์เกาหลี เชจู 10900 บาท พอมาถึงวันนี้ถ้าถามว่าคุ้มไหมผมคิดว่าคุ้มนะครับกับทัวร์เกาหลี ราคานี้ แค่ค่าเครื่องบินกับค่าโรงแรมก็ไม่พอแล้วครับ สำหรับราคานี้ ในวันนี้ เป็นวันละลายเงินวอนครับ เน้นๆสำหรับขาช๊อปอย่างเดียวครับ ก็มาต่อกันเลยครับ สำหรับในวันสุดท้าย

         พอรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วทางทัวร์ก็พามาที่ศูนย์โสมรัฐบาล เพื่อมาดูและศึกษาว่าโสมมีประโยชน์อะไรบ้าง แล้วทางศูนย์โสมก็มี โสมจำหน่ายด้วยครับ ราคาไม่แพ๊งๆๆ จริงๆ


ขอบคุณภาพจาก www.chill.co.th

ด้านหน้าของศูนย์โสมของรัฐบาลเกาหลี

 ทางคณะทัวร์ถ่ายรูปคู่กับโสมยักษ์

      หลังจากช็อปโสมกันจนตัวเบาวิวแล้วก็ไปช๊อปกันต่อที่ ร้านสมุนไพรเกาหลี เป็นสมุนไพรเมล็ดฮ๊อกเกต สำหรับขับพิษครับ เนื่องจากว่าด้านในไม่ให้ถ่ายรูป มีแต่รูปผลิตภัณฑ์แทนครับ

ขอบคุณภาพจาก www.chill.co.th
สมุนไพรเมล็ดฮ๊อกเกต

           ต่อด้วยช๊อป ของฝากทุกชนิด ขนมแบบต่าง ๆ เช่นช็อกโกแลตหิน ซีเรียลช็อกโค ผลิตภัณฑ์โสมในรูปแบบของขนม ชา โคลนพอกหน้า ผลไม้ หมอนสุขภาพ กิมจิ ชินราเมงหรือมาม่าเกาหลี และมีอีกหลายอย่าง ที่สามารถละลายเงินในกระเป๋าได้ มีบริการแพ็กให้เสร็จครับ

 ขนมเกาหลีครับ

มีบริการแพ็กของกลับบ้านด้วยครับ

 
เขียนชื่อไว้ ระวังหาย (มีแย่งซีนด้วยแฮะ)

รถทัวร์ที่พาเราไปทุกที่ กับนางแบบครับ

        หลังจากช๊อปกันอย่างเมามัน ก็เริ่มหิวกันแล้วก็มาถึงเมนูสุดท้าย เมนูจิมดัก แค่ชื่อเมนู ก็เสียวแล้วครับ เรียกอีกอย่างว่า ไก่ตุ๋นซีอิ๊วเกาหลีผสมกับวุ้นเส้นที่เหนียวนุ่ม หัวหอมใหญ่ รสชาติคล้าย ไก่พะโล้ของไทย น้ำซุปที่เกาหลีทุกเมนูเขาจะใส่โสมลงไปด้วยครับ อร่อยครับ แต่ผมเริ่มเอียนละครับ

เมนูไก่ตุ๋นซีอิ้ว (จิมดัก)

 มื้อสุดท้ายแล้วจัดเต็มครับ

        ทานอาหารกันจนอิ่มแล้ว ก็เตรียมไปช๊อปกันต่อที่ Shilla Duty Free Shop ที่นี่จะมีสินค้ามากมาย มีทั้ง น้ำหอม เสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ สำหรับสาวๆ ที่จะมาซื้อเครื่องสำอางคงชอบเลยครับ เพราะราคาถูกกว่าเมืองไทยพอสมควรเลยครับ ขอบอกว่าเครื่องสำอางที่นี่เยอะมากๆๆ ถ้าจะซื้อเครื่องสำอางเก็บตังเอาไว้ที่นี่เลยครับ

ย่านช๊อปปิ้งครับ

เพลิดเพลินครับ
 มีความสุขเลยครับ

      หลังจากเหนื่อยจากการช๊อปปิ้ง ก็มาพักผ่อนกัน กับโปรแกรมสุดท้าย ไปชม โขดหินยงดูอัม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเกาะเชจู โขดหินนี้เกิดขึ้นจากการ กัดกร่อนของคลื่นและลมทะเล ทำให้มีรูปทรงลักษณะเหมือนหัวมังกร กำลังอ้าปากครับ

 โขดหินมังกร  ดูให้เหมือนนะครับ

ส้มเชจูครับ ของขึ้นชื่อบนเกาะเชจูเลยครับ เปรี้ยวมาก 

ของฝากครับ

แม่ค้าเกาหลีตั้งใจขายมากเลยครับ


ปลาหมึกย่างประมาณ 3000 วอนครับ อร่อยสด น้ำซอสออกหวานๆ ครับ

ไอติมเกาหลีครับ 3000 วอน

        หลังจากดูโขดหินมังกรจนเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเก็บตกช๊อปปิ้งที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับบ้านกันแล้วที่สุดท้าย เป็นดาวทาวน์เมืองเชจู เป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง บนเกาะเชจู อาทิ ETUDE, SKIN FOOD, NEW BALANCE ประมาณว่าน้องๆ เมียงดงครับ เดินหาร้านช๊อปกันตามสบายเลยครับถ้าใครมีเงินเหลือ หรือถ้าไม่หน่ำใจก็รูดบัตรเอาเลยก็ได้ครับ


 เก็บตกกับ ดาวทาวน์เมืองเชจูครับ  

ใจสู้หรือป่าว ไหวไหมบอกมา

  
กาแฟเกาหลีแก้วละ 10 วอนจืดมากๆ ขอบอก

          ก็ถึงเวลากลับบ้านแล้วครับ เวลาหมดไปไวจริงๆ รอเครื่องบินประมาณ 21.00 น. เครื่องมีดีเลย์นิดหน่อยครับถึงสุวรรณภูมิประมาณ ตี 2 ได้ครับ

นั่งรอเช็คอินครับ

ช๊อปเยอะไปหน่อยครับ เริ่มมึนกันแล้วครับ

ถึงสุวรรณภูมิแล้วครับ ผมนี่คิดว่าย้ายบ้านเลยครับ

        สรุปทัวร์ เกาหลีเกาะเชจู 10900 บาท สำหรับผมแล้วถือว่าคุ้มค่าครับ ได้กินเที่ยวกันอย่างเต็มที่ แต่ต้องระวังนิดนึงนะครับ เรื่องช๊อปอาจจะหมดเนื้อหมดตัวก็ได้นะครับ ผมมีตินิดนึงครับ ที่ก่อนไปกับทัวร์บอกมีใบไม้เปลี่ยนสี ตั้งแต่ไปวันแรกจนวันสุดท้ายผมยังไม่เจอเลยครับ แต่ให้อภัยกันได้ครับ กับบริการที่ได้รับ 

       สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณมากครับ ที่ติดตามอ่านกันมาตลอดยังไง ต่อไปมีทิปดีๆ ผมจะมารีวิวให้อ่านกันอีกนะครับ ขอบคุณครับ


ปิดท้ายด้วยภาพของฝากครับ











วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

ทัวร์เกาหลี เชจู 10900 บาท วันที่สอง

 ทัวร์เกาหลี เชจู  วันที่สอง


       หลับสบายไปเลยกับวันแรกที่เกาหลี อากาศตอนกลางคืนหนาวเย็นมาก  ได้ลองเหล้าเกาหลีไปบ้าง บอกตรงๆ เลยเหมือนกินแอลกอฮอล์ล้างแผลเพียวๆ เลย ต้องหาอะไรมาแกล้มด้วย

       ตื่นมาตอนเช้าอากาศค่อนข้างหนาวเลยอุณภูมิ ประมาณ 5- 8 องศาได้ ตื่นมากินอาหารโรงแรมรสชาติพอกินได้ พอกินข้าวเสร็จเตรียมของไปให้พร้อมวันนี้ช่วงเช้าเราจะไป ขึ้นเขาซงซานอิลซูบง กัน ขอเตือนคนที่จะไปเที่ยวอยากจะบอกไว้ก่อนนะครับ รองเท้าควรใส่ที่สบายๆ ที่่เราเดินคล่องแล้วไม่เจ็บเท้า ถ้าซื้อรองเท้าใหม่มาแล้วมาเที่ยวถ้าโดนรองเท้ากัด รับรองได้ทรมานมากเพราะเดินเยอะมาก เด่วจะหาว่าผมไม่เตือน



ภาพหน้าโรงแรมยามเช้าครับ

ถ่ายจากในห้องพัก 

        ก็ได้เวลาเตรียมขึ้นเขาซงซานอิลซูบง แล้วถ้าดูจากด้านล่างจะสูงมากแต่ด้วยอากาศที่เย็น  วิวที่สวยตลอดทาง และมีคนขึ้นเป็นเพื่อนเยอะทำให้ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไรเดินไปเรื่อยๆ สักพักก็ถึงครับ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร 


ด้านล่างก่อนจะขึ้นเขา


ถ่ายจากด้านล่างขึ้นมาอยู่บริเวณตีนเขาละ


พิชิตยอดเขาได้แล้วถ่ายรูปกันหน่อย



 วิวถ่ายจากยอดเขาครับ

 ตอนลงเขาจะลงอีกด้านนึงครับ คนเยอะมากดูเหมือนอันตรายแต่ที่กั้นเขาแข็งแรงมากครับ


         พอปีนเขากันจนเหนื่อยสุดๆ เลยก็เตรียมตัวไป ทุ่งซอพจิโกจิ เป็นทุ่งหญ้ากว้างติดทะเล สถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์เกาหลีชื่อดังหลายเรื่องเลยครับ


ด้านล่างจะมีปลาหมึกและของสดขายครับ

                                              แม่ค้าเกาหลีเขาจะจริงจังมาก


จุดหมายปลายทางอยู่โน้นเลย

ระหว่างทางจะมีแนวโขดหินภูเขาไฟตลาดทางครับ



ด้านบนมีของขายด้วยนะครับ อันนี้เป็นขนมเกาหลีประมาณ 10000 วอนได้ เหมือนขนมขนมตุ๊บตั๊บบ้านเราเลย



มาถึงจุดหมายปลายทางละครับจริงๆจะมีเส้นทางไปประภาคานให้เดินต่อไปอีกแต่พอละครับเริ่มหิวละ

     หลังจากปีนเขา 2 ที่จนขาลากกันแล้วก็เริ่มหิวมากๆ แล้วก็เตรียมตัวไปกินอาหารเกาหลีมื้อเที่ยงกัน มื้อนี้เมนูชื่อพุลโกกิ เป็นหมูต้มกับซุปผสมกิมจิ กินกับข้าวเกาหลี และเครื่องเคียงต่างๆ 


หมูต้มกับซุปผสมกิมจิ (พุลโกกิ) 
                                                                                                                                                                   

 
ผักห่อกินกับหมู และเครื่องเคียง กิมจิ สาหร่าย หัวไชเท้าดอง


ปลาหมึกที่ซื้อมาจากทุ่งซอพจิโกจิ รสชาติอร่อยเด้งสดดีครับ แต่น้ำจิ้มเขาบอกเลยไม่ไหวมากๆ ซีฟู๊ดเราอร่อยกว่าเยอะครับ ถ้าไปก็เตรียมน้ำจิ้มไปด้วยก็ดีครับ


        หลังจากกินอาหารจนอิ่มหน่ำสำราญกันไปทางทัวร์ก็พอไปช๊อปน้ำมันสนของรัฐบาลเกาหลี จะมีบรรยายสรรพคุณต่างๆครับ พอดีทางไกล์ไม่ให้ถ่ายรูปผมเลยไม่ได้ถ่ายมา หลังจากไปช๊อปน้ำมันสน ก็ไปชมการแสดงม้า Pony Valley จากนักขี่ม้ามืออาชีพกันต่อ สำหรับผมถือว่าตื่นเต้นสนุกเพลินเลยครับ 

ขอบคุณภาพจาก www.chill.co.th
   ผลิตภัณฑ์น้ำมันสน  

ด้านหน้าสถานที่จัดแสดงม้า



การแสดงม้า Pony Valley

 กายกรรมก็มี

        หลังจากดูการแสดงม้าจบ แล้วเราก็เดินทางไปหมู่บ้านวัฒนธรรมทรงอับ สัมผัสบรรยากาศชีวิตแบบดั้งเดิม บ้านพื้นเมือง ของคนเกาหลียุคเก่าว่าเขาดำรงชีวิตกันอยู่อย่างไร

วิทยากรกับไกด์นำทัวร์กำลังอธิบายความวิถีชีวิตกับความเป็นมาของหมู่บ้าน


ตังใจฟังกันอย่างเคร่งเครียดเลยครับ

จำหน่ายผลิตภัณฑ์โอท๊อปเกาหลีครับ มีกระดูกม้า น้าผึ้ง ที่โน้นรัฐบาลเขาจะสนับสนุนครับ

 ตัวนี้มีอยู่ทั่วหมู่บ้านเลยเขาบอกถ้าลูบแล้วจะได้ลูกครับ มันคล้ายๆ อะไรหว่า

แถมสุดท้ายสาวเกาหลี


       หลังจากไปหมู่บ้านวัฒนธรรมทรงอับกับวิถีชีวิตแบบโบราณก็ไปช๊อปเครื่องสำอางเกาหลีกัน ก็จะมีหลายแบรนต์เลยครับแต่อย่าเพิ่ง ช๊อปหมดนะครับ วันสุดท้ายทางทัวร์จะพาไปช๊อปอีกทีที่ห้างใหญ่เป็นดิวตี้ฟรีเลยครับเสียดายเขาไม่ให้ถ่ายด้านใน เลยเก็บตกด้านนอกแทนละกัน


ด้านหน้าร้าน MIDAM COSMETIC

บรรยากาศยามเย็นเชจูครับ สงบเรียบร้อย เป็นระเบียบมากๆ

       พอเราเลือกเครื่องสำอางค์กันจนพอใจแล้วก็เริ่มหิวอีกแล้วทางไกด์ก็พาไปกิน คาลบิ หรือ หมูกระทะเกาหลี กินกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวและน้ำพริกเกาหลี โคชูจัง คนไม่กินมันเมนู นี้ลำบากหน่อยนะครับ เพราะมันเยอะมาก ต้องกินห่อผักด้วยครับถึงอร่อย ผ่านครับเมนูนี้


เมนูหมูย่างเกาหลี คาลบิ เติมได้เรื่อยๆ ครับ


คณะทัวร์เราอิ่มหน่ำสำราญกันไปครับ 

         
ปิดท้ายวันทีสองด้วยภาพคุณยายกำลังนั่งพัก ในหมู่บ้านวัฒนธรรมทรงอับครับ

           
        ก็จบไปแล้วครับวันที่สอง เห้อพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันละลายเงินวอนครับ สำหรับคนที่ชอบช๊อปปิ้งคงจะชอบกันครับ โดยเฉพาะสาวๆ ครับ